วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ก่อนฮิปปี้ ก่อนยับปี้...นี่คือ เดอะ บีต เจเนอเรชั่น : จิตติ พัวสุทธิ

 


(ก่อนฮิปปี้ ก่อนยัปปี้...นี่คือ เดอะ บีต เจเนอเรชั่น โดย จิตติ พัวสุทธิ ตีพิมพ์ในแผ่นพับ link ภาพประกอบบทความจาก https://scalar.usc.edu/works/counterculture-in-the-1960s/media/beat-generation-picture

ส่วนเนื้อหาในบทความผู้เขียนอ้างอิงจาก www.rooknet.com, www. litkicks.com 
และเจ้าของบล็อกเอามาเผยแพร่โดยไม่ได้ขออนุญาต)

สิ้นเสียงการอ่านบทกวีคำสุดท้าย ซิกส์ แกลเลอรี (Six Gallery) ซานฟรานซิสโก (San Francisco) กลุ่มบีตได้เปิดตำนานบทหนึ่งของวงการวรรณกรรมสู่สายตาของชาวโลก
    นับตั้งแต่งานเขียนและการเคลื่อนไหวของ แจ็ก เคอรัวแอ็ก และผองเพื่อน จะไม่ได้เป็นแค่ความพลุ่งพล่านของคนหนุ่ม หากยังสั่นสะเทือน ความฝันแบบอเมริกัน (American Dream) ของผู้คนทั่วไป
    คำว่า บีต เจเนอเรชั่น ปรากฏครั้งแรกในบทความ This is The Beat Generation ในปี 1948 จากการพูดคุยของแจ็ก เคอรัวแอ็ก กับ จอห์น เชลลอน โฮล์มส (John Clellon Holms) คอลัมนัสต์หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ (The New York Times) ผู้เดินทางมาหาข้อมูลเกี่ยวกับคนหนุ่มสาวอเมริกันยุคนั้น เพียงแต่ความหมายดั้งเดิมของคำว่า บีต ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่า เลวร้าย, หายนะ, อ่อนเปลี้ย หากแจ็กให้คำจำกัดความเป็นตัวของเขาและเพื่อนๆ หมายถึงคนหนุ่มอเมริกันผู้เริงร่าระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไม่อาจฝากตัวในเครื่องแบบรัดกุมของทหารหาญหรือสูทสะอาดหมดจดอย่างนักธุรกิจ พวกเขาเป็นบีต เพราะไม่เชื่อในงานที่ตรงไปตรงมา กลับเลือกจะตะเกียกตะกายมีชีวิตรอดโดยการอาศัยอพาร์ตเมนต์โสโครกแทน ในบางจังหวะของชะตากรรมต้องประกอบอาชญากรรมเพียงเพื่อเงินเล็กน้อยหรืออาหารประทังความหิว บ้างก็เตร็ดเตร่พเนจรไปกับการโบกรถโดยไม่อาจฝังกาย ณ แห่งหนใดโดยปราศจากความเบื่อหน่าย วลีคำว่า บีต เจเนอเรชัน คือเงาสะท้อนจอบ เออร์เนสต์ เฮมมิงเวย์ (Ernest Hemingway) ที่เคยเรียกคนยุคเขา (คนหนุ่มยุคสงครามโลกครั้งที่ 1) ว่าเป็น ผู้คนที่สาบสูญ (Lost Generation) โดยหยิบยืมจากปากของ เกอร์ทรูด สไตน์ (Gertrude Stein)
    แกนหลักของกลุ่มบีต ประกอบด้วย แจ็ก เคอรัวแอ็ก (Jack Kerouac) , นีล แคสซาดี (Neal Cassady), วิลเลียม เอส. เบอร์โรวห์ส (William S. Burroughs) ที่คบหากันอยู่ ในละแวกมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) และย่านอัพทาวน์ (Uptown) แมนฮัตตัน (Manhattan) ในกลางทศวรรษที่ 40 นอกจากนั้นยังรวมถึง เกรเกอรี คอร์โซ (Gregory Corso) จากกรีนวิช วิลเลจ (Greenwich Village) และ เฮอร์เบิร์ต ฮักเค (Herbert Hunckel) จากย่านไทมส์สแควร์ (Times Square) เมื่อพวกเขาโยกย้ายไปซานฟรานซิสโก กลุ่มได้ขยายตัวออกไปโดยมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มเติมอย่าง แกรี สไนเดอร์ (Gary Snyder), ลอว์เรนซ์ เฟอร์ลิงเกตตี (Lawrence Ferlinghetti) , ไมเคิล แมกคลูร์ (Michael McClure), ฟิลิป วอเลน (Philip Whalen) และ ลิว เวลช์ (Lew Weich)
    หลังจากคลื่นลูกแรกมาถึงฝั่ง คลื่นลูกที่สองได้สาดซีดอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง สมาชิกรุ่นต่อมาของกลุ่มบีตได้ขยายตัวเพิ่มเติมต่อไปอีก อาทิ บ๊อบ คูฟแมน (Bob Kaufman), ไดแอน ดีพรีมา (Diane DiPrima) , เอ็ด แซนเดอร์ส (Ed Sanders) เป็นต้น จวบจนทุกวันนี้กลุ่มบีตยังคงสืบสานตำนานการต่อต้านความฝันแบบอเมริกันอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น